Thursday, October 27, 2005

ประวัติมวยไท่เก๊กตระกูลหยาง (ตอน 1)

มวยไท่เก๊กตระกูลหยาง มวยไท่เก๊กตระกูลหยางเริ่มต้นจากบุรุษนามหยางลู่ฉาน ได้เคยกล่าวถึงไว้แวบๆ ตอนเล่าประวัติมวยไท่เก๊กตระกูลเฉิน คราวนี้มาแบบละเอียดครับ ท่านหยางลู่ฉานมีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1799-1872 เป็นคนตำบลหย่งเหนียนอำเภอกว่างผิง มณฑลเหอเป่ย ฟังว่าบ้านท่านเป็นชาวนายากจนแต่รสนิยมวิไลชอบฝึกวิทยายุทธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนเด็กๆ ท่านมีรูปร่างเล็ก แต่ก็มีความคล่องแคล่วว่องไว ประมาณว่าก็มีแววจอมยุทธ์อยู่




รูปท่านหยางลู่ฉาน ว่ากันว่าท่านมีรูปโฉมสง่างามมาก ดูจากรูปก็หล่ออยู่ไม่น้อย


ตามที่เล่ากันมาก็มีหลายตำนาน ทางหนึ่งว่าบิดาของท่านหยางได้นำท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์กับครูมวยแซ่หลิว ซึ่งก็เป็นครูมวยท่านหนึ่งในตำบลบ้านท่านนั่นเอง ท่านหยางลู่ฉานสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว จนเมื่ออาจารย์จะจากตำบลนี้ไปก็ได้เอ่ยปากกับท่านหยางว่า "ลู่ฉาน เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ หากได้พบอาจารย์ดีแล้วสามารถที่จะสำเร็จวิทยายุทธ์ได้ หากว่าสามารถไปยังเฉินเจียโกว และได้เรียนรู้มวยไท่เก๊กตระกูลเฉินแล้ว ในอนาคตเจ้าจะเป็นผู้ไร้เทียมทาน"

จากนั้นท่านก็ได้ไปสืบเสาะจนทราบมาว่าท่านเฉินฉางซิงแห่งหมู่บ้านเฉินเจียโกวเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ ท่านก็เลยลงทุนปลอมตัวไปอยู่ในร้านขายยาของท่านเฉินเพื่อแอบเรียนวิชา จริงๆ ก็ไม่ได้ปลอมตงปลอมตัวอะไรหรอก ก็ดุ่ยๆ ไปสมัครเป็นลูกจ้างเขาละครับ แต่บางตำราก็ว่าท่านก็เป็นลูกจ้างอยู่ก่อนแล้วนี่แหละ ไม่ได้มาสมัครเป็นลูกจ้างเพราะได้ยินกิตติศัพท์อะไรหรอก

แต่อย่างไรก็ดีเล่ากันว่าแต่แรกนี่ ท่านหยางก็เป็นเพียงลูกจ้างธรรมดา ไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาวิทยายุทธ์อะไรจากท่านเฉินฉางซิงแม้แต่น้อย เนื่องจากว่าท่านเฉินฉางซิงไม่ยอมถ่ายทอดวิชามวยให้กับคนต่างตระกูลก็แปลกดีเพราะจากประวัติของตระกูลเฉินก็เล่าว่าเขาไม่ให้ท่านเฉินฉางซิงสอนศิษย์ในตระกูลไปแล้วเพราะว่านอกคอกไปฝึกวิชาของคนอื่น แล้วนี่ยังจะมากีดกันไม่ให้คนนอกตระกูลเรียนอีกได้อย่างไร แต่ก็มีที่เล่ากันอยู่บ้างว่ามวยไท่เก๊กนี้เป็นของวิเศษแต่เดิมของตระกูลเฉินอยู่แล้วจึงไม่ยอมถ่ายทอดให้กับคนภายนอก นอกจากนี้ทางบรรพบุรุษตระกูลเฉินยังได้ตั้งกฎประจำตระกูลไว้สามข้อ คือ
  1. ห้ามเป็นเปาเปียว (ห้ามรับคุ้มกันภัย)
  2. ห้ามออกไปท่องยุทธจักรเป็นชาวยุทธ์
  3. ห้ามเป็นโจร
หรืออีกทางหนึ่งก็อาจจะเพราะว่าท่านเฉินฉางซิงสอนลูกศิษย์เฉพาะยามดึก คือแอบๆ สอน ไม่ได้ให้คนรู้มากมายขณะที่หยางลู่ฉานหนุ่มน้อยก็เป็นเพียงลูกจ้างในร้านธรรมดาๆ คงไม่สามารถขยับตำแหน่งขึ้นมาเป็นลูกศิษย์ในสำนักได้ ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ การเป็นศิษย์อาจารย์ในสมัยโบราณนี่ประมาณเดียวกับการรับเป็นพ่อลูกกันเลย ชนชั้นบ่าวไพร่ข้ารับใช้อาจได้เรียนวิชาบ้างเล็กน้อย แต่จะให้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นลูกศิษย์นี่นับว่ายากนัก


รูปหล่อท่านเฉินฉางซิง (ค.ศ. 1771-1853) ผู้นำตระกูลเฉินรุ่น 14 มอบประกาศนียบัตรสำเร็จวิชาให้กับท่านหยางลู่ฉาน



ทีนี้เมื่อท่านเฉินฉางซิงแอบสอนได้ หยางลู่ฉานก็แอบเรียนได้คือระหว่างที่ท่านเฉินฉางซิงกำลังสอนลูกศิษย์ หยางลู่ฉานก็มาแอบดูอยู่ทุกคืน จนในที่สุดก็เลยถูกจับได้ ท่านเฉินฉางซิงก็ดีใจหาย จับได้แทนที่จะเฉดหัวไล่ออกไป หรือจับเชือดนั่งยางเพราะการแอบฝึกวิชาของผู้อื่นนี่เป็นเรื่องถือสากันหนักหนาในยุทธภพ แต่เล่ากันว่าท่านฉางเฉินซิงกลับให้หยางลู่ฉานประลองฝีมือกับศิษย์ของตนเอง หรือกะหาเรื่องให้ลูกศิษย์มาซ้อมหยางลู่ฉานจะได้ไม่น่าเกลียดก็ไม่รู้ได้ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีศิษย์คนใดสู้กับหยางลู่ฉานได้เลย ท่านเฉินฉางซิงเห็นดังนั้นก็เกิดปลื้มในพรสวรรค์อัจฉริยภาพของหยางลู่ฉานขึ้นมาก็เลยรับไว้เป็นศิษย์อย่างเป็นทางการอีกหนึ่งคน ก็ไม่รู้ว่าท่านหยางลู่ฉานห้อยพระเมตตามหานิยมรุ่นไหนนะครับ เพราะฟังๆ เหมือนไปลักของเขา แล้วเจ้าของจับได้เลยแถมเงินให้อีกอย่างไรอย่างนั้นเลย แล้วการที่ท่านเฉินฉางซิงรับท่านหยางลู่ฉานไว้เป็นศิษย์นี่เองก็เป็นการทำลายกฎของตระกูลที่ไม่สอนมวยให้คนนอกไปด้วยโดยปริยาย นับว่าหยางลู่ฉานแจ็คพอตโชคดีซ้ำซ้อนอย่างมโหฬารจริงๆ


ท่านหยางลู่ฉานได้มีโอกาสเรียนมวยอยู่ในร้านขายยาของท่านเฉินฉางซิงอยู่กว่า 20-30 ปีมัง จนเมื่อสำเร็จวิชาออกจากสำนัก ท่านก็เดินทางท่องยุทธจักรไปทั่ว ได้ประลองกับคนมากมายจนมีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับฉายาเป็น หยางอู๋ตี๊ หรือหยางผู้ไร้เทียมทาน เอ..ผิดกฏตระกูลเฉินหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ท่านหยางก็ไม่ได้เป็นคนตระกูลเฉิน ก็คงไม่ต้องสนใจกฎมัง

ในช่วงนี้ท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชามวยที่ได้เรียนมาจากท่านเฉินฉางซิงออกไปบ้าง ซึ่งผู้ที่เคยเห็นวิชาของท่านหยางหรือเคยเรียนกับท่านในยุคแรกนี้ก็มีที่เรียกวิชาของท่านหยางเป็นเมี่ยนเฉวียน (มวยสำลี) หรือฮว่าเฉวียน (มวยสลายพลัง) จากลักษณะของมวย ซึ่งก็เป็นการยืนยันลักษณะของมวยไท่เก๊กในยุคแรกของท่านหยางได้ดีว่ามีลักษณะเช่นไร ที่ต้องยืนยันกันเพราะมีบางคนวิเคราะห์ว่ามวยไท่เก๊กของท่านหยาง หรือของท่านเฉินฉางซิงแต่เดิมนั้นน่าจะเป็นมวยที่มีลักษณะแกร่งกร้าว รวดเร็ว เพราะไม่คิดว่าการฝึกที่ดูเนิบนาบเชื่องช้า จะสามารถใช้สู้จริงได้ หลายคนจึงคิดกันว่าท่าทางที่เชื่องช้าอ่อนนุ่มไม่ใช้แรงนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาภายหลังเพื่อผลทางด้านสุขภาพเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เพราะไม่เช่นนั่นก็คงไม่เรียกกันเป็นมวยสำลีหรอก คงเรียกเป็นมวยเหล็กเสียมากกว่า

แต่สำหรับชื่อมวยนั้นมีเขียนไว้ในประวัติชัดเจนว่าท่านหยางลู่ฉานเรียกมวยของท่านว่ามวยไท่เก๊ก ความจริงประวัติช่วงเดินทางนี้ค่อนข้างยาวแต่ส่วนมากก็เป็นเรื่องของการประลองชนะชาวบ้านเขา ไม่ค่อยมีอะไรพิสดาร

No comments: