ท่านหยางปันโหวเป็นคนมีนิสัยแข็งกร้าว ชอบการประลองยุทธ์ ผู้ที่เคยประลองกับท่านก็มักจะได้รับบาดเจ็บเสมอ เล่ากันว่าครั้งหนึ่งท่านเคยประลองกับนักมวยคนหนึ่ง ท่านได้ถูกนักมวยคนนั้นคว้าแขนไว้ได้ โดยปกติแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ ท่านหยางปันโหวเพียงผลักเบาๆ ก็สามารถคลี่คลายได้แล้ว แต่ครั้งนี้ท่านได้ใช้กำลังแขนเพื่อสบัดออกจนคู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อกลับมาบ้านก็ได้เอามาเล่าให้บิดาคือท่านหยางลู่ฉานฟังด้วยความปลาบปลื้มในชัยชนะที่ได้มา ท่านหยางลู่ฉานกลับกล่าวกับหยางปันโหวว่า "ชัยชนะเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่เสียดายแขนเสื้อของเจ้าได้ขาดไป ขอให้รู้ว่าเจ้าได้ใช้พลังไท่เก๊กมากเกินไป" ท่านหยางปันโหวจึงได้สำรวจแขนเสื้อของตนเองจึงได้รู้ว่าขาดไปจริงๆ หลังจากถูกบิดาตำหนิ ทำให้ยิ่งมุมานะในการฝึกฝนมวยไท่เก๊กยิ่งขึ้น
ยังมีเรื่องเล่าสมัยที่ท่านหยางลู่ฉานสอนมวยอยู่ในวังตวนอ๋อง วันหนึ่งขณะที่ท่านนั่งสูบยาอยู่บนชั้นยกระดับ เอาหลังพิงฝาสบายอารมณ์อยู่ ก็มีครูมวยซุยเจียว (มวยปล้า) คนหนึ่งชื่อต้าเสียวจื่อซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่มาก ต้าเสียวจื่อคงเกิดอารมณ์จะล้อท่านหยางปันโหวให้ได้อายเล่นแก้เซ็ง ก็ยกเท้าขวาขึ้นไปเหยียบบนยกพื้น ส่วนเท้าอีกข้างยังอยู่กับพื้น ขณะนั้นท่านหยางปันโหวมือซ้ายถือกล้องยา มือขวาถือชุดไฟ ปากก็ยังคาบกล้องอยู่ ต้าเสียวจื่อเอามือขวาสอดเข้าจับต้นแขนซ้าย และใช้มือซ้ายรวบข้อมือขวาและถุงของกล้องยาของท่านหยางปันโหว (กล้องแบบนี้เวลาสูบต้องใช้น้ำ โดยจะมีถุงใส่น้ำห้อยไว้ด้านล่างของกล้อง) แล้วคุณต้าก็พูดขึ้นว่า "เจ้าลงมาเถอะ" พร้อมกับใช้กำลังลากท่านหยางปันโหวลงมา
ตอนนั้นท่านหยางปันโหวเพียงใช้พลังเล็กน้อย ถ่วงต้นแขนและข้อศอกลงทำให้ร่างของคุณต้าคะมำไปข้างหน้า แกจึงรีบดึงตัวกลับ ซึ่งท่านหยางก็เพียงแต่ปล่อยตามสภาวะเท่านั้น คุณต้าเธอก็ล้มลงไปนอนหงายท้องเล่นเสียแล้ว พอเจ็บตัวกันเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาผู้ใหญ่ออกโรง องค์ชายอีก็ทำทีรีบเข้ามาถามไถ่ว่าเกิดอะไรกันขึ้น คุณต้าเสียวจื่อก็รีบตอบว่า "ทูลองค์ชาย เป็นข้าพเจ้าล้อเล่นกับคุณชายรองเอง" ลืมบอกไป เนื่องจากบุตรชายคนโตของท่านหยางลู่ฉานเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนท่านหยางปันโหวเป็นลูกคนที่สอง และท่านหยางเจี้ยนโหวเป็นคนที่สาม
ซึ่งภายหลังองค์ชายอีก็มีรับสั่งให้ต้าเสียวจื่อและโจวต้าหุย ซึ่งบังเอิญเป็นครูฝึกซุยเจียวด้วยกันมากราบท่านหยางปันโหวเป็นอาจารย์เสีย ก็เป็นอันหมดเรื่อง เรื่องนี้ท่านโจวต้าหุยอยู่ดีๆ ก็เลยพลอยได้รับอานิสงส์ไปกับเขาด้วย
ยังมีอีกเรื่องครับที่เป็นที่กล่าวขวัญกัน คือเรื่องท่านหยางปันโหวประลองทวนใหญ่

รูปทวนใหญ่ครับ จะยาวกว่า 8 ฟุต สูงเลยหัวคนไปเยอะครับ
เรื่องก็มีว่ามียอดฝีมือทวนอยู่คนหนึ่งชื่อหลิวซื่อจวิ้น ทุกวันท่านหลิวก็ไปฝึกทวนอยู่ข้างแม่น้ำเยี่ยหยาที่ไหลผ่านสวนดอกไม้หลังวังตวนอ๋อง ซึ่งท่านหยางปันโหวเองก็มาฝึกทวนอยู่แถวๆ นี้เช่นกัน วันหนึ่งองค์ชายอีเห็นทั้งสองฝึกทวนกันอยู่ก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาก็เลยเรียกให้ทั้งสองมาจับคู่ฝึกทวนกัน ทีนี้ต่างฝ่ายต่างแทงกันอยู่ครึ่งค่อนวัน ท่านแทงข้าหลบ ข้าแทงท่านหลบ ไม่ไปไหนกันสักที องค์ชายดูก็เบื่อก็เลยรับสั่งขึ้นว่า "ท่านทั้งสองแทงให้ดีกว่านี้จะได้หรือไม่" ท่านหยางปันโหวได้ยินก็ทูลตอบไปว่า "องค์ชายต้องการชมที่สนุกสนานกว่านี้ ข้าพเจ้าทั้งสองจะลองกันใหม่" ส่วนท่านหลิวก็คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เอาชนะท่านหยางปันโหว ทั้งยังทำให้ท่านหยางลู่ฉานที่เป็นพ่อเสียหน้าด้วย ก็เลยตั้งใจเล่น โดยใช้ทวนของตนเองปัดทวนของท่านหยางปันโหวให้เบนออกแล้วใช้พลังดูดทวนนั้นไว้ จากนั้นจึงสืบเท้าขึ้นไปแทงออกทวนหนึ่ง ท่านหยางปันโหวก็เพียงปล่อยให้ทวนของท่านคล้อยตามทวนของหลิวซื่อจวิ้น แล้วหมุนครั้งหนึ่ง ทวนของท่านหลิวก็หมุนตาม รอจนท่านหลิวแทงทวนออกมา ท่านหยางปันโหวก็ใช้ทวนของท่านเคาะลงบนด้ามทวนอีกฝ่าย ทำให้ท่านหลิวสะท้านจนเซถอยหลังตกน้ำไป
จากนั้นท่านหยางปันโหวก็เข้าไปขอโทษ แล้วเชิญหลิวซื่อจวิ้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่องค์ชายอีก็สมกับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ หลังจากยุให้คนตีกันสมใจแล้ว ก็รีบรับสั่งกับท่านหยางปันโหวว่า "เขาต้องเก็บข้าวของแล้วจากไปอย่างแน่นอน ท่านจงรีบตามไปและต้องรั้งเขาไว้ให้ได้ เนื่องจากเขายังมีประโยชน์ให้ใช้สอย" ท่านหยางปันโหวจึงได้ตามไปเกลี้ยกล่อมกันอยู่นาน สุดท้ายองค์ชายอีก็จัดเลี้ยงโต๊ะให้ ก็เลยหมดเรื่องกันไปได้
วีรกรรมของท่านหยางปันโหวยังมีอีกมาก หากแต่น่าเสียดายที่ว่าท่านไม่ค่อยได้สนใจเรื่องรับศิษย์ถ่ายทอดวิชา ศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียงจึงไม่ค่อยมีปรากฏให้เห็นกัน
No comments:
Post a Comment