Friday, October 28, 2005

ประวัติมวยไท่เก๊กตระกูลหยาง (ตอน 4)


เล่าเรื่องลูกคนรองของท่านหยางลู่ฉานไปแล้ว หากไม่พูดถึงอีกคนเดี๋ยวท่านจะพาลน้อยใจ หาว่าผู้เขียนลำเอียง บุตรชายคนที่สามของท่านหยางลู่ฉานมีนามว่าหยางเจี้ยนโหว (ค.ศ. 1839-1917) เนื่องจากท่านหยางเจี้ยนโหวเป็นบุตรคนที่สามคนทั่วไปจึงเรียกท่านว่าซันเส้าเหย หรือออกเสียงเป็นแต้จิ๋วว่า ซาเสี่ยวเอี้ยหรือนายเล็กคนที่สาม เพียงแต่คนนี้ไม่ใช่ซาเสี่ยวเอี้ยแห่งหมู่บ้านกระบี่เทพเจ้าของโกวเล้งนะครับ

หยางเจี้ยนโหวท่านนี้มีนิสัยแตกต่างจากหยางปันโหวผู้พี่มาก เป็นคนมีนิสัยอ่อนโยนรักสงบ ไม่บู๊มากเท่าพี่ชาย ตอนฝึกมวยก็เห็นว่าท้อแท้จนแทบจะหนีไปบวชเป็นหลวงจีนเสียหลายครั้ง แต่ถึงแม้ว่าท่านจะไม่นิยมตีรันฟันแทงกับใคร ก็ใช่ว่าท่านจะมีฝีมืออ่อนก็หาไม่ ว่ากันว่าท่านมีพลังภายในเต็มเปี่ยม สามารถออกพลังโจมตีผู้อื่นได้ในฉับพลัน คู่ต่อสู้ถูกตีล้มลงไปแล้วยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เวลาฝึกซ้อมท่านมักใช้แส้ปัดฝุ่นแทนอาวุธ แต่ก็มีฝีมือสูงในด้านหอกและไม้พลองเช่นกัน นอกจากนั้นยังเล่ากันว่าท่านยังเชี่ยวชาญวิชาอาวุธลับ สามารถดีดลูกกระสุนได้ทีละสามลูกไปถูกนกที่กำลังบินอยู่ถึงสามตัวพร้อมๆ กัน

และความที่ท่านหยางเจี้ยนโหวเป็นผู้มีเมตตา จึงมีผู้มาสมัครเป็นศิษย์มากมาย ซึ่งมวยที่ท่านสอนก็มีอยู่ถึงสามแบบ มีทั้งอ่อนหยุ่นและแกร่งกร้าว ท่านมีบุตรชายอีกสามคน คนรองเสียไปตั้งแต่ยังเด็ก เหลือแต่คนโตชื่อหยางเส้าโหว และคนที่สามชื่อหยางเฉินฟู่เป็นผู้สืบทอดวิชาประจำตระกูล

จนมีผู้มาสมัครเป็นศิษย์มากมาย พลังภายในของท่านเต็มเปี่ยม สามารถออกพลังโจมตีผู้อื่นได้ในฉับพลัน คู่ต่อสู้ส่วนมากมักถูกตีล้มโดยที่ตนเองก็ยังนึกไม่ถึง ท่ามวยของท่านหยางเจี้ยนโหวนั้นมีด้วยกันสามแบบ มีทั้งอ่อนหยุ่นและแกร่งกร้าว ท่านมีบุตรอีกสามคน แต่คนรองเสียแต่ยังเด็กเหลือแต่คนโตชื่อหยางเส้าโหว และคนที่สามชื่อหยางเฉินฟู่ เป็นผู้สืบทอดวิชาประจำตระกูล


รูปท่านหยางเส้าโหว (ค.ศ. 1862-1930)

ท่านหยางเส้าโหวนั้นชอบใช้เพลงมวยท่าเล็กแต่แกร่งกร้าว ท่วงท่าคล้ายหยางปันโหวผู้เป็นลุง และชอบการประลองยุทธ์ คู่ต่อสู้ก็มักจะได้รับบาดเจ็บเสมอ เหมือนรุ่นลุงยังไงยังงั้น ท่านมีใจรักในวิทยายุทธ์มาก และได้เริ่มต้นฝึกมวยเมื่ออายุได้เพียง 7 ปี แต่ทั้งที่ท่านเป็นผู้มีฝีมือสูง แต่ผู้ที่มาเป็นศิษย์จึงมักอยู่ได้ไม่ค่อยนานเพราะทนถูกตีไม่ค่อยไหว

ส่วนน้องชายของท่านหยางเส้าโหวคือท่านหยางเฉินฟู่ นิสัยอ่อนโยนเหมือนพ่อ เล่ากันว่าตอนเด็กๆ ท่านก็ไม่ได้มีใจรักในการฝึกมวย กว่าจะได้มาเริ่มฝึกก็เมื่ออายุ 17 ปีเข้าไปแล้ว

ท่านหยางเฉินฟู่เคยเล่าไว้ว่า เมื่อสมัยยังเด็กเห็นปู่สอนมวยให้พ่อและลุง จึงเกิดคำถามในใจว่าการต่อสู้เอาชนะคนคนหนึ่งด้วยวิชามวย ดูจะไม่มีความหมาย การศึกษาจึงสามารถเอาชนะศัตรูนับหมื่นได้ ช่วงวัยรุ่นท่านหยางปันโหวผู้เป็นลุงเคยขอร้องให้ท่านหยางเฉินฟู่ฝึกมวย ในตอนนั้นท่านก็ได้บอกว่า ในความเห็นของตนเอง การฝึกมวยไม่เห็นมีความหมายอะไร ซึ่งทั้งลุงทั้งพ่อได้ฟังก็โมโหสิครับ แต่เล่าว่าท่านหยางลู่ฉานกลับเป็นผู้ที่ปกป้องไว้และกล่าวว่า "วิชาที่ปู่ฝึกและสอนอยู่นี้ จุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่ที่การเห็นผู้อื่นเป็นศัตรู จุดประสงค์ในการฝึกมวยคือการป้องกันตัว และใช้ป้องกันประเทศชาติ ถ้าหากผู้มีการศึกษามองเห็นเพียงแต่ว่า ประเทศของเรากำลังอยู่ในภาวะยากจน ยังไม่รู้ว่ายังมีปัญหาของประชาชนอ่อนแอ หากว่าประชาชนในประเทศทั้งอ่อนแอทั้งยากจน นานเข้าเมื่อประเทศูกรุกรานยังจะสามารถลุกขึ้นมาช่วยชาติได้หรือ ถึงแม้ว่าคนผู้หนึ่งสามารถสอนผู้อื่นได้ไม่มากนัก แต่ว่าหากเป็นดังนิทาน ลุงโง่ย้ายภูเขาแล้ว ขอเพียงผู้คนในชาติร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะเกิดพลังจากความสามัคคีนั่นเอง"

ท่านหยางเฉินฟู่จึงได้มุมานะฝึกฝนวิชามวยประจำตระกูล และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่มวยไท่เก๊กออกไปทั่วประเทศจนเป็นที่แพร่หลายไปทั่วประเทศจีนในที่สุด แต่อันนี้ก็เป็นเพียงเรื่องเล่านะครับ เพราะหากดูจากช่วงเวลาแล้วจะเห็นว่าท่านหยางลู่ฉานเสียไปก่อนที่ท่านหยางเฉินฟู่จะเกิดด้วยซ้ำไป ที่ว่าฟังปู่พูดนั้นอาจจะฟังผ่านพ่อคือท่านหยางเจี้ยนโหวมาเสียมากกว่า

แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือการที่วิชามวยไท่เก๊กเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศจีน จนออกไปถึงต่างประเทศ ก็เพราะท่านหยางเฉินฟู่นี้เอง


รูปท่านหยางเฉินฟู่ (ค.ศ.1883-1936) หลานปู่ของท่านหยางลู่ฉาน เป็นผู้เผยแพร่มวยไท่เก๊กตระกูลหยางออกไปสู่สาธารณชน

No comments: