ฝ่ามือทรายเหล็ก หรือ ชาวจีนเรียกว่า เถี่ยซาจั่ง เป็นสำเนียงภาษาจีนกลาง ทิซัวเจี้ย เป็นสำเนียงภาษาแต้จิ๋ว ในการฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เฮอลีชวนนั้น การฝึกฝ่ามือทรายเหล็กจัดเป็นวิชาเสริมเพื่อให้ฝ่ามือมีความแข็งแกร่ง สามารถทนต่อการปะทะวัตถุที่แข็งได้ดี
ในอดีต การต่อสู้นั้นไม่มีอาวุธเป็นเครื่องทุ่นแรงเหมือนอย่างในปัจจุบัน การต่อสู้ส่วนมากจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า หรืออาวุธที่เป็นเครื่องทุนแรง อย่างมากก็จะมีกระบี่ ดาบ กระบอง เป็นต้น วิชาฝ่ามือทรายเหล็กหรือหมัดทรายเหล็ก จึงเป็นวิชาที่จำเป็น และอันตราย สำหรับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม่เหมือนอย่างในปัจจุบัน มีการพัฒนาอาวุธที่ทันสมัยขึ้นมาใช้ เช่น อาวุธปืนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงกว่าอาวุธเมื่อสมัยก่อนมาก วิชาฝ่ามือทรายเหล็กนี้ จึงเป็นวิชาที่ห่วงแหนของทุกตระกูลมวยจีนในสมัยก่อน และจัดว่าเป็นวิชาที่อันตรายในสมัยนั้น หากวิชาฝ่ามือทรายเหล็ก หรือหมัดทรายเหล็กนี้ ไปตกอยู่กับผู้ที่ไม่มีคุณธรรมเสียแล้ว สุจริตชนจะได้รับความเดือดร้อน
ข้าฯได้รับการฝึกวิชาฝ่ามือทรายเหล็กเมื่อตอนอายุ 12 ปี จนถึง อายุ 15-16 ปี ในสมัยนั้น ยาจีนยังมีราคาถูก ยาที่ใช้ฝึกราคาห่อละไม่เกิน 3 บาท ปัจจุบันยานี้ราคาแพงขึ้นหลายร้อยเท่า แต่วัสดุที่สำหรับใช้ในการฝึก ในอดีตค่อนข้างหายากกว่าปัจจุบันมาก อย่างเช่น ลูกเหล็ก ต้องใช้ตะกั่วมาหลอมแล้วหยดเป็นเม็ดๆ หรือไม่ก็ใช้หัวน็อตตัวเมียมาเป็นวัสดุในการฝึก ปัจจุบันวัสดุต่างๆที่จะนำมาใช้ฝึกหาได้ไม่ยากนัก
ข้าฯเห็นว่า เป็นเวลาอันสมควรแล้วที่จะนำวิชาฝ่ามือทรายเหล็กนี้ออกเผยแพร่ เพื่อให้ชนรุ่นหลังที่สนใจวิชานี้ ได้นำไปฝึกฝนได้อย่างถูกต้อง และศึกษาค้นคว้าต่อไป การฝึกฝ่ามือทรายเหล็กนี้ มิใช่ฝึกแล้วฝ่ามือจะแข็งเหมือนเหล็กอย่างที่ทุกท่านเข้าใจกัน ความจริงแล้วเป็นเพียงการฝึกเพื่อให้ฝ่ามือนั้น มีความแข็งแกร่งมากกว่าคนปกติธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกเท่านั้น เพื่อให้มือ แข็งพอสามารถที่จะกระทบกระแทก หรือเข้าปะทะกับวัตถุที่แข็ง โดยที่มือจะไม่เจ็บปวดเหมือนคนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกเท่านั้นเอง การต่อสู้ป้องกันตัวบางครั้งจำเป็นที่จะต้องปะทะกับส่วนที่แข็ง เช่น ข้อศอก หรือ ศีรษะ ทำให้กล้าที่จะปะทะโดยไม่กลัวว่ามือจะเจ็บ การใช้กำลังของแขนและมือก็จะกล้าใช้ออกไปได้อย่างเต็มที่
ในการฝึกวิชาฝ่ามือทรายเหล็ก หรือหมัดทรายเหล็กนั้น ตำรับยาสมุนไพรจีนที่ข้าฯได้รับการสืบทอดมามีด้วยกันหลายตำรับ แต่ละตำรับมีสรรพคุณคล้ายกัน มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก เส้นเอ็น กล้ามเนื้อให้แข็งแกร่ง และรักษาอาการช้ำของมือ และแขนจากการฝึก ซึ่งข้าฯจะนำเสนอไว้ใน Chinese Medicine ส่วนวิธีการฝึกฝนต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งข้าฯจะแยกอธิบายวิธีการฝึกเป็น 3 ช่วงเวลาดังนี้
ช่วงที่ 1 ใช้ระยะเวลาการฝึก 6 เดือน หรือมากกว่า
วิธีฝึก ใช้ผ้าชนิดหนามาเย็บเป็นถุงคล้ายหมอน หรือใช้ถุงแป้งก็ได้ เอาทรายละเอียด หรือหยาบ ใส่ในถุงผ้าให้เต็มแล้วเย็บ หรือผูกปากถุงให้แน่น นำไปตั้งวางไว้บนพื้น หรือฐานที่แข็งแรง แล้วให้ใช้ฝ่ามือ และหลังฝ่ามือตบฟาดลงที่ถุงทราย เริ่มต้นให้ตบ หรือฟาดเบาๆจนเกิดความเคยชินต่อความเจ็บปวด เมื่อรู้สึกว่าไม่เจ็บปวดแล้วค่อยเพิ่มกำลังตบ หรือฟาดให้แรงขึ้น และในการฝึกแต่ละครั้งจะกำหมัดชก หรือทุบที่ถุงทรายด้วยก็ได้ ในช่วงแรกๆของการฝึกจะรู้สึกเจ็บมือที่ตบฟาดลงไปที่ถุงทราย โดยเฉพาะบริเวณหลังฝ่ามือ เพราะเป็นบริเวณที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก และเส้นเอ็น การฝึกจึงควรให้สัมผัสตรงส่วนนี้ให้มากเป็นพิเศษ ให้ทำการฝึกอย่างน้อยวันละ 1/2 หรือ 1 ชั่วโมง ทุกวัน เวลาใดก็ได้ หลังการฝึกตบฟาดถุงทรายแล้ว ให้แช่มือทั้ง 2 ข้างในน้ำยาที่เตรียมไว้ พร้อมกับนวดมือทั้งสองข้างแรงๆ เพื่อให้เลือดลมบริเวณที่ช้ำกระจาย ใช้เวลาการแช่ และนวดพอประมาณ หรือแล้วแต่สูตรยาแต่ละสูตร หลังจากที่แช่ และนวดเสร็จแล้ว ห้ามล้างมือทันที ให้ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 - 3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น จึงล้างออกได้ ให้ปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน หรือมากกว่า และจะต้องฝึกร่ายรำท่ามวยที่ได้เรียนมาด้วย เพื่อให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นของแขน และข้อมือแข็งแรง
ช่วงที่ 2 ใช้ระยะเวลาการฝึก 1 ปี หรือมากกว่า
วิธีฝึก ใช้ผ้าชนิดหนามาเย็บเป็นถุงคล้ายหมอน หรือใช้ถุงแป้งก็ได้ ให้เปลี่ยนจากทรายละเอียด หรือหยาบ เป็นหินกรวดที่ได้คัดเอาหินที่แตกมีรอยแหลมคมออกแล้ว ขนาดเท่ากับที่นำมาเล่นหมากเก็บ ใส่ในถุงผ้าให้เต็มแล้วเย็บ หรือผูกปากถุงให้แน่น นำไปตั้งว่างไว้บนพื้น หรือฐานที่แข็งแรงแล้ว ให้ใช้ฝ่ามือ และหลังฝ่ามือตบฟาดลงที่ถุงกรวด เริ่มต้นให้ตบ หรือฟาดเบาๆจนเกิดความเคยชินต่อความเจ็บปวด เมื่อรู้สึกว่าไม่เจ็บปวดแล้วค่อยเพิ่มกำลังตบ หรือฟาดให้แรงขึ้น และในการฝึกแต่ละครั้งจะกำหมัดชก หรือทุบที่ถุงกรวดด้วยก็ได้ ในช่วงแรกๆของการฝึกจะรู้สึกเจ็บมือที่ตบฟาดลงไปที่ถุงกรวดมากกว่าที่ตบฟาดถุงทราย โดยเฉพาะบริเวณหลังฝ่ามือ เพราะเป็นบริเวณที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก และเส้นเอ็น การฝึกจึงควรให้สัมผัสตรงส่วนนี้ให้มากเป็นพิเศษ ให้ทำการฝึกอย่างน้อยวันละ 1/2 หรือ 1 ชั่วโมง ทุกวัน เวลาใดก็ได้ หลังการฝึกตบฟาดถุงทรายแล้ว ให้แช่มือทั้ง 2 ข้างในน้ำยาที่เตรียมไว้ พร้อมกับนวดมือทั้งสองข้างแรงๆ เพื่อให้เลือดลมบริเวณที่ช้ำกระจาย ใช้เวลาการแช่ และนวดพอประมาณ หรือแล้วแต่สูตรยาแต่ละสูตร หลังจากที่แช่ และนวดเสร็จแล้ว ห้ามล้างมือทันที ให้ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 - 3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น จึงล้างออกได้ ให้ปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี หรือมากกว่า และจะต้องฝึกร่ายรำท่ามวยที่ได้เรียนมาด้วย เพื่อให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นของแขน และข้อมือแข็งแรง
ช่วงที่ 3 ใช้ระยะเวลาการฝึก 1 1/2 ปี หรือมากกว่า
วิธีฝึก ใช้ผ้าชนิดหนามาเย็บเป็นถุงคล้ายหมอน หรือใช้ถุงแป้งก็ได้ เอาหัวน๊อตตัวเมียเบอร์ 10 หรือลูกปืนขนาดเท่าลูกแก้ว หรือเล็กกว่าเล็กน้อย (น่าจะหาซื้อได้ที่คลองถม) ใส่ในถุงผ้าแทนหินกรวดให้เต็มแล้วเย็บ หรือผูกปากถุงให้แน่น นำเอาไปตั้งว่างไว้บนพื้น หรือฐานที่แข็งแรง แล้วให้ใช้ฝ่ามือ และหลังฝ่ามือตบฟาดลงที่ถุงลูกเหล็ก เริ่มต้นหากมือยังมีอาการเจ็บปวดอยู่ ให้ตบหรือฟาดเบาๆจนเกิดความเคยชินต่อความเจ็บปวดก่อน (จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อผ่านการฝึกตบฟาดหินกรวด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เจ็บปวดที่สุดแล้ว อาการเจ็บปวดจะน้อยลงมาก หรือไม่เจ็บปวดเลย) เมื่อรู้สึกว่าไม่เจ็บปวดแล้วค่อยเพิ่มกำลังตบ หรือฟาดให้แรงขึ้น และในการฝึกแต่ละครั้งจะกำหมัดชก หรือทุบที่ถุงลูกเหล็กด้วยก็ได้ ในการฝึกควรจะเน้นบริเวณหลังฝ่ามือให้มาก เพราะบริเวณหลังฝ่ามือ เป็นบริเวณที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก และเส้นเอ็น การฝึกจึงควรให้สัมผัสตรงส่วนนี้ให้มากเป็นพิเศษ ให้ทำการฝึกอย่างน้อยวันละ 1/2 หรือ 1 ชั่วโมง ทุกวัน เวลาใดก็ได้ หลังการฝึกตบฟาดถุงลูกเหล็กแล้ว ให้แช่มือทั้ง 2 ข้างในน้ำยาที่ได้เตรียมไว้ พร้อมกับนวดมือทั้งสองข้างแรงๆ เพื่อให้เลือดลมบริเวณที่ช้ำกระจาย ใช้เวลาการแช่ และนวดพอประมาณ หรือแล้วแต่สูตรยาแต่ละสูตร หลังจากที่แช่ และนวดเสร็จแล้ว ห้ามล้างมือทันที ให้ปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 1 - 3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น จึงล้างออกได้ ให้ปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หรือมากกว่า และจะต้องฝึกร่ายรำท่ามวยที่ได้เรียนมาด้วย เพื่อให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นของแขน และข้อมือแข็งแรง
จากวิธีการฝึกที่ข้าฯได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ หากทุกท่านที่สนใจ ได้ฝึกฝนตามวิธี และการฝึกต้องไม่หักโหมจนเกินไป ให้ค่อยเป็นค่อยไป จะเห็นผลอย่างแน่นอน อย่าเอาทรายไปคั่วไฟแล้วเอามือไปจิ้มแทงเด็ดขาด การที่เอาทรายไปคั่วไฟเป็นเพียง Action ในภาพยนตร์เท่านั้น บัดนี้ "ปาหี่" ที่ทุกๆท่านดูมาเป็นเวลานานได้จบลงแล้ว การฝึกฝ่ามือทรายเหล็ก หรือหมัดทรายเหล็กตามอย่างในภาพยนตร์มันอันตราย ทั้งไม่ได้ผลด้วย และอาจจะทำให้มือแขนพิการได้ ข้าฯรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเยาวชนของชาติที่หลงเชื่อวิธีการฝึกตามภาพยนตร์
ข้าฯหวังว่า วิธีการฝึกฝ่ามือทรายเหล็กที่ได้นำลงในเว็บฯนี้คงจะให้ประโยชน์แก่ท่านที่สนใจฝึกฝน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านคงจะช่วยกันจรรโลง และเผยแพร่ในสิ่งที่ถูกต้องแก่เยาวชนของชาติสืบไป
อาจารย์ เกรียงไกร เถลิงพล ( ลี )
Friday, October 28, 2005
ฝ่ามือทรายเหล็ก สำนักเฮอลีฉวน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment