Friday, October 28, 2005

เรียนมวยผ่านเน็ตได้ไหม

ถาม:

คือผมอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อ่ะคับ คือผมอยู่อ่างทองอ่าคับ
หลังจากที่ได้พยามยามศึกษาทางเวปมาเป็นเดือนๆก้อไม่ได้อะไรขึ้นเลย
เหมือนกับเอามือคว้านหาอะไรไม่เจอจับต้องอะไรไม่ได้เลยอ่ะคับ

คับเข้าใจว่ามันคงเป็นเรื่องยากถึงยากมากๆหรืออาจจะเป้นไปไม่ได้เลยที่จะศึกษาเรื่องนี้ทางเน็ตให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ อีกอย่างอยู่ดีดีมาขอให้สอนโดยที่ไม่รู้จักมักจี่กันเลย
แล้วก้อไม่มีความรู้อะไรที่จะเอาไปแลกเปลี่ยนด้วย ตอนนี้ก้อเริ่มท้อแล้วหละคับ ก้อ อีกอย่างก้อคิดว่าผมเองเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงซั๊กเท่าไหร่ ถึงจะอายุแค่17ก้อเถอะ ร่างกายก้อไม่มีความยืดหยุ่นเอาซ๊ะเลยแต่ว่าใจมันอากจะเรียนรู้อ่าคับ ยังไงช่วยบอกวิธีฝึกเบื้องต้น หรือวิธีฝึกลมปราณ แล้วผมจะทำดูได้ผลยังไไงหรือไม่ได้ผลยังไงก้อจะคอยถาม ก้อเลยอยากทราบว่าจะกรุณาสอนให้ผมได้ไหมคับ

ขอบคุณคับ

ตอบ: (โดยอาจารย์เหลียง สำนักเสี้ยวเฉิน)

ได้ครับ ผมไม่ได้บอกว่าจะสำเร็จ แต่ถ้าไม่มีทางเลือก จะเรียนเองก่อน ผมก็จะเอาด้วยคน

คุณจะฝึกมวยอะไร เลือกก่อน แล้วโพสมา สงสัยอะไรก็ถาม อยากเอาอะไรอ่านจะส่งให้ ไปหาซื้อหนังสือมาช่วยด้วย
แล้วถ้าอยากได้ e-book เพิ่ม ก็แอดเมลล์ผมซะ เจอออนอยู่เมื่อไหร่ก็ขอเลย จะส่งให้ทันทีเดี๋ยวนั้น
พื้นฐานเอาการฝึกจวงกงไปอ่านก่อน ถ้างงจะเอารูปไปดูก็โพสมา จะวาดลงเน็ตให้ แล้วมีอะไรสงสัยก็ถาม
ฝึกได้ไม่ได้ผมไม่รู้แต่ลองดูดีกว่าไม่ลอง

จวงกงที่ลงนี้เป็นอันที่ผมเขียนให้สิ่งอี้ แต่มวยอื่นก็ไม่ต่างกันมาก หากจะฝึกสิ่งอี้เลยแล้วจะเอาท่าซานถิเพิ่ม ก็โพสมาอีก จะลงต่อให้ครับ

การฝึกพื้นฐาน

การฝึกจวงกง
จวงกง คือการฝึกพลังท่านิ่งในมวยสิ่งอี้ ซึ่งคำว่าจวงกงแปลความหมายได้ว่า พลังเสา บางครั้งยังเรียกขานเป็นชื่ออื่นๆอีก เช่น จั้นจวง ซึ่งแปลว่า การยืนท่าเสา และ จั้นกง ซึ่งแปลว่าพลังท่ายืน เป็นต้น ซึ่งการเรียกขานนั้นมาจากลักษณะการฝึกในท่ายืนนิ่งประดุจเสาที่ตรึงยึดไว้กับพื้นดินนั่นเอง การฝึกจวงกงคือการฝึกพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งในวิทยายุทธ์จีน ดังคำกล่าวว่า “คิดเรียนมวยก่อนนั้นคือจั้นจวง”

ในมวยสิ่งอี้ ก็มีคำกล่าวเช่นเดียวกันว่า”คิดเรียนมวยสิ่งอี้ จั้นจวงก่อนสามปี”ดังนั้นในการฝึกมวยสิ่งอี้ จึงไม่อาจขาดการฝึกจั้นจวงหรือจวงกงนี้ไปได้นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวว่า”ฝึกมวยไม่ฝึกกง ถึงยามชราทุกสิ่งอย่างล้วนว่างเปล่า” คำว่าฝึกกงในข้อความนี้ก็คือการฝึกพลัง หมายถึงการฝึกพลังพื้นฐาน ทั้งการฝึกพลังภายนอก และการฝึกพลังภายในซึ่งรวมความถึงการฝึกพลังท่ายืน หรือจวงกงนี้ด้วยการฝึกจวงกง คือการอู๋จี๋จวงคำว่า อู๋จี๋ มาจาก อี้จิงหรือคัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง แปลความหมายได้ว่าภาวะที่สุดแห่งความไร้อันตรงความกับไท่จี๋ ซึ่งหมายถึงภาวะที่สุดแห่งความมีซึ่งในวิทยายุทธ์จีนได้ยืมคำนี้มาใช้กับท่าเตรียมก่อนเริ่มต้นสภาวะการกระทำซึ่งถือว่าเป็นสภาวะแห่งความว่างเปล่า

ดังนั้นท่าอู๋จี๋จวงจึงเป็นท่าเริ่มต้นก่อนการฝึกท่าใดๆท่าอู๋จี๋จวงเป็นท่าที่ฝึกเพื่อนำจิตสำนึกเข้าสู่สภาวะแห่งความว่างและจัดท่าร่างให้เข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย เนื่องจากท่าอู๋จี๋จวงเป็นท่าที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่จะควบคุมจิตสำนึกและกายให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยความสงบ และผ่อนคลายในระดับลึกได้เมื่อควบคุมกายและจิตสำนึกได้ ลมหายใจไม่แปรปรวนไอพลังย่อมไม่สับสน ดังนี้พลังจึงเต็มเปี่ยม ดังคำว่า“อู๋จี๋ก่อเกิดไท่จี๋” คือว่างเปล่าก็เกิดสรรพสิ่ง นั่นเองหลักท่วงท่า

1. ยืนตัวตรงเท้าชิด ปลายเท้าชี้ไปข้างหน้า แยกออกเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างวางที่ข้างลำตัว
2. คลายแรงตึงที่เข่า แต่ยังคงยืนตรงไม่ย่อลง ทิ้งน้ำหนักลงที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างเท่าๆกันคลายเอวและสะโพก
3. ค่อยๆคลายไหล่และอก ยกยอดศีรษะให้ตั้งตรง ตามองไปข้างหน้าเฉียงลงเล็กน้อยนำปลายลิ้นขึ้นไปแตะเพดานปากด้านบนอย่างเบาๆ
4. เมื่อจะยุติการฝึก ให้นำเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา ยืดขายืนตรง หายใจลึกยาวสามรอบแล้วทำการสะบัดนิ้วมือนิ้วเท้า หรือเดินไปมาก่อนสักหลายรอบค่อยทำการพักผ่อน

หลักการสำคัญ
1. ยอดศีรษะต้องถูกยกขึ้นราวกับว่ามีเส้นด้ายดึงรั้งขึ้นหรือมีถ้วยเทินไว้เหนือศีรษะทำให้ร่างกายถูกยกขึ้นและรู้สึกถึงน้ำหนักทั่วร่างราวถูกแขวนไว้
2. ร่างกายต้องตั้งตรงไม่เอนเอียง และหลังควรตั้งตรงไม่งองุ้มหรือแอ่นหลัง
3. การคลายไหล่และอก คือไม่ใช้แรงดันผายออก แต่ให้เก็บเข้าอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนั้นเอง
4. เท้าทั้งสองควรรู้สึกถึงการยึดโยงกับพื้นโลก ราวกับมีรากหยั่งลึกลงในพื้นดิน
5. ค่อยๆนำสภาวะจากการควบคุมท่าร่าง และสภาวะของความรู้สึกนั้น เข้าสู่สภาวะแห่งความว่างอย่างนั้นเอง คือท่าร่างและความรู้สึกยังคงดำรงอยู่ และยังยึดกุมหลักการท่าร่าง แต่เมื่อฝึกฝนนานวันแล้วท่าร่างและความรู้สึกทั้งหมดก็จะเป็นอย่างนั้นตามธรรมชาติ จิตสำนึกก็ว่างเปล่าไร้ความคิดและความปรารถนาทั้งปวง สายตาไม่ถูกเร้าด้วยภาพใดๆ มองเห็นเหมือนมองไม่เห็นไม่มีการเคลื่อนไหวในร่างกายและจิตสำนึก ไม่มีการแบ่งแยกหยินหยาง จิตนำนึกและร่างกายสงบนิ่งเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายอย่างที่สุด
6. ยืนสงบนิ่งในท่านี้โดยไม่มีการเคลื่อนไหว ท่าฝึกนี้อาจฝึกได้นานเท่าที่ต้องการแต่หากต้องการเวลาฝึกท่าอื่นๆต่อ ควรทำการฝึกท่านี้ก่อนอย่างน้อยห้านาที หรือตามเวลาที่เหมาะสม

ข้อควรระวัง
1. ในการยกยอดศีรษะ ตั้งหลังให้ตรง และจมไหล่นั้น พึงใช้จิตควบคุม อย่าได้ใช้แรงเป็นอันขาด
2. อย่าได้ฝืนหายใจโดยแรง หรือหายใจทางปาก เพราะจะเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ควรหายใจลึกยาวอย่างสงบตามธรรมชาติ

หุนหยวนจวง

คำว่า หุนหยวน เรียกอีกอย่างว่า ฮุ่นหยวนซึ่งเป็นชื่อเรียกของภาวะก่อนช่วงเวลาที่ฟ้าดินจะแยกออกจากกันตามความเชื่อของจีนและเป็นต้นกำเนิดของหยวนชี่ ยังไม่มีการแบ่งแยกหยินหยาง, ฟ้าดิน, มืดสว่างในทางวิทยายุทธ์ได้รับเอาคำว่าฮุ่นหยวนมาใช้ โดยอิงหลักแนวคิดที่ว่า ”ฟ้าดินรวมหนึ่งแปรเปลี่ยนไร้ขอบเขต” ดังนั้นท่าหุนหยวนจวงจึงมีความต่อเนื่องจากท่าอู๋จี๋จวงถ้าอู๋จี๋คือภาวะความว่างเปล่าไร้สรรพสิ่ง หุนหยวนก็คือภาวะสรรพสิ่งก่อเกิดรวมหนึ่ง การฝึกหุนหยวนจวงในมวยสิ่งอี้ เริ่มต้นฝึกผ่อนคลาย ขจัดความคิดสับสน สำรวมจิตสำนึกและจิตวิญญาณปรับการหายใจ ขั้นกลางฝึกใช้จิตสำนึกนำไอพลังทะลวงผ่านจิงลั่วทั่วทั้งร่างขั้นสูงรวมจิตชุมวิญญาณเข้าสู่ทางธรรม รวมฟ้าผสานดิน เอาความคิดเข้าภายในสัมผัสด้วยตัวเองไอพลังภายในแลกเปลี่ยนภายนอกทะลวงถึงทั่วทั้งหมด ดังนี้ พลังภายในภายนอกเต็มเปี่ยมเลือดลมหมุนเวียนเปลี่ยนคล่อง ร่างกายแข็งแรงจิตใจเข้มแข็ง พลังจึงถึงพร้อมสมบูรณ์

หลักท่วงท่า
1. ยืนตรงเท้าชิด ปลายเท้าแยกออกเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างวางที่ข้างลำตัว ตามองตรงไปข้างหน้าหายใจเข้าออกลึกยาวสามรอบเพื่อปรับลมหายใจ แต่หากฝึกท่านี้ต่อจากท่าอู๋จี๋จวงให้เริ่มที่ข้อสองได้เลย
2. ค่อยๆแยกเท้าซ้ายออกทางซ้ายหนึ่งก้าว ให้เท้าทั้งสองมีระยะเท่าช่วงไหล่ ปลายเท้าทั้งสองชี้ไปข้างหน้าหรือแยกออกเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักเต็มฝ่าเท้าทั้งสองเท่าๆกัน เวลาแยกเท้าออกหายใจเข้าวางเท้าย้ายน้ำหนักหายใจออก
3. ค่อยๆยกสองมือขึ้นมาข้างหน้า ฝ่ามือหันเข้าหากัน นิ้วทั้งห้าแยกออกจากกันเล็กน้อยสองแขนโค้งงอเล็กน้อยตามธรรมชาติ เมื่อยกขึ้นถึงระดับไหล่ ค่อยๆโอบสองแขนเข้ามานิ้วทั้งห้าของทั้งสองมือชี้เข้าหากัน ฝ่ามือหันเข้าโอบด้านใน หัวแม่มือชี้ขึ้นด้านบน ศอกงอเล็กน้อยคล้ายเหมือนโอบลูกบอลอยู่กลางอก ยกยอดศีรษะ คลายไหล่ ถ่วงศอก เก็บอกเข้าเล็กน้อย ขณะเดียวกันค่อยๆงอเข่าทั้งสองข้างลงเล็กน้อย คลายเอวและสะโพก หย่อนก้นกบนั่งลง ร่างกายตั้งตรงไม่เอนเอียงน้ำหนักทิ้งเต็มฝ่าเท้าทั้งสอง
4. หายใจทางจมูก ปากปิด ลิ้นแตะปลายเพดานปากอย่างเบาๆ สายตามองไปข้างหน้าเฉียงลงเล็กน้อย
5. เมื่อจะยุติการฝึก ค่อยๆยกมือทั้งสองขึ้นเล็กน้อย นำมือทั้งสองเข้ามาด้านในหน้าอกค่อยๆคว่ำฝ่ามือหันลงล่าง ขณะเดียวกันนำเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา จากนั้นค่อยๆยืดขาขึ้นทิ้งน้ำหนักสองข้างเท่ากัน ขณะเดียวกัน ค่อยๆลดฝ่ามือกดลงล่าง นิ้วทั้งห้าชี้เข้าหากันจนมือลดลงถึงระดับท้องน้อย ค่อยแยกมือทั้งสองข้างออก วางอยู่ที่ข้างลำตัว กลับสู่ท่าอู๋จี๋อีกครั้งจากนั้นหายใจเข้าออกลึกยาวสามรอบ แล้วทำการสะบัดมือเท้า หรือเดินไปมาสักหลายรอบ ค่อยทำการพักผ่อน

หลักการสำคัญ
1. การยกยอดศีรษะ ตั้งร่างกายตรง คลายไหล่และอก หยั่งรากที่เท้ามีหลักการเช่นเดียวกับในท่าอู๋จี๋จวงข้างต้น
2. ศอกต้องถ่วงลงอย่างเป็นธรรมชาติ อย่าได้เชิดขึ้น แต่ไม่ควรทิ้งลงจนรักแร้ปิดติดกันศอกต้องอยู่ต่ำกว่าไหล่เสมอ แขนทั้งสองและทรวงอกควรเป็นวงโค้ง
3. ต้องบรรลุถึงหลักการทั้งสามคือ ควบคุมกาย ควบคุมจิตใจ ควบคุมลมหายใจ ตามหลักการฝึกภายในดังนั้นร่างกายต้องผ่อนคลาย จิตสำนึกไม่สับสน ลมหายใจลึกยาวไม่แปรปรวนให้ไอพลังอิงจิตสำนึกชักนำโคจรทั่วร่าง ฝ่าเท้ายึดโยงพื้นโลก ร่างกายสัมผัสบรรยากาศ รวมฟ้าผสานดินไอพลังนอกในทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน เพียงแต่ต้องอาศัยเวลานานวัน ไม่อาจใจเร็วด่วนลัดทั้งหมดต้องอาศัยความรู้สึกประสบพบด้วยตัวเอง
4. โดยทั่วไปมักจะวางความคิด สร้างจิตนาการว่าในวงแขนมีลูกบอลโอบอยู่ ลูกบอลนั้นเบาบางแต่ยืดหยุ่นมีแรงกระทำต่อทรวงอกและแขนทั้งสอง ขั้นต่อมาจึงสร้างจินตนาการว่าภายในลูกบอลเติมเต็มด้วยน้ำมีน้ำหนักกระทำต่อแขนทั้งสอง หรือลูกบอลนั้นมีพลังดีดสะท้อน อาศัยความคิดกำหนดให้บอลนั้นส่งแรงกระทำทางซ้ายขวาหน้าหลัง แรงกระทำต่อส่วนไหน ส่วนนั้นก็รู้สึกถึงแรงต้านที่เกิดขึ้นดังนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอุบายในการฝึก อย่าได้ยึดถือจนตายตัวเมื่อนานวันพึงแสวงหาผลของการบรรลุถึงหลักการทั้งสาม ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
5. ยืนสงบนิ่งในท่านี้โดยไม่มีการเคลื่อนไหวได้นานเท่าที่ต้องการ และควรฝึกท่านี้ไม่น้อยกว่าสิบนาที
6. ท่านี้มักฝึกต่อหลังจากท่าอู๋จี๋จวง และท่านี้มักจะเป็นท่าหลักในการฝึกจวงกงดังนั้นท่านี้มักจะใช้เวลาฝึกนานกว่าท่าอื่นๆประมาณสองเท่า

ข้อควรระวัง
1. เวลาฝึกไม่ควรปิดดวงตาทั้งสองข้าง เพียงแต่ดวงตาที่มองออกไปนั้นไม่ควรจดจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งควรให้การรับรู้ทั้งหมดนั้นสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
2. เมื่อเริ่มฝึกฝนควรใช้เวลาแต่น้อย แล้วค่อยๆเพิ่มเวลามากขึ้น
3. หากรู้สึกอึดอัดในทรวงอก พึงหยุดพักก่อน ทำการหายใจลึกยาวสักหลายรอบ เมื่อเริ่มฝึกอีกควรสำรวจจัดแจงท่วงท่าให้ถูกต้อง และควรใช้เวลาแต่น้อยก่อน เมื่อไม่รู้สึกอึดอัดคับข้องอีกจึงค่อยเพิ่มเวลาฝึกให้มากขึ้น
4. อย่าได้ฝืนพยายามปรับการหายใจ หากรู้สึกลมหายใจตื้นเขิน ควรค่อยฝึกฝนนานวันปรับเปลี่ยนอย่าใจเร็วด่วนลัดพยายามหายใจให้ลึกยาวขึ้น ขอเพียงฝึกฝนสม่ำเสมอนานวันลมหายใจย่อมลึกยาวเองและหากรู้สึกหายใจยากลำบาก หรือติดขัดสับสน ควรหยุดพักก่อนเมื่อเริ่มฝึกอีกครั้งควรจัดท่าร่างให้ถูกต้อง และผ่อนคลายร่างกายให้มากขึ้น
5. การที่สองแขนยกโอบกลางอกนั้น พึงระวังอย่าได้ยกไหล่ทั้งสองขึ้น อีกทั้งอย่าได้ใช้แรงยกควรให้แขนทั้งสองจมถ่วงลงอย่างเป็นธรรมชาติ


เฉียนคุนจวง

คำว่าเฉียนคุนมาจาก อี้จิงหรือคัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง เฉียนคือลักษณ์ของฟ้า คุนคือลักษณ์ของดินเฉียนคุนจึงเปรียบดังสภาวะที่ฟ้าดินแยกออกจากกัน ฟ้าลอยขึ้นบน ดินจมลงล่าง แบ่งแยกหยินหยางจึงก่อเกิดกลางวันกลางคืน สว่าง มืด พระอาทิตย์พระจันทร์ ดังนี้ ในทางวิทยายุทธ์นั้นถือเอาหลักนี้ก่อหยินและหยาง แบ่งแยกบนล่าง รับไอพลังจากฟ้าและดินท่าเฉียนคุนจวงนั้นมักทำการฝึกต่อเนื่องจากท่าหุนหยวนจวง หุนหยวนคือฟ้าดินรวมหนึ่งยังไม่แยกจากเฉียนคุนคือฟ้าก่อดินเกิด แบ่งแยกจากกันการฝึกเฉียนคุนจวงในมวยสิ่งอี้นั้น ขั้นต้นฝึกผ่อนคลาย ขจัดความคิดสับสน สำรวมจิตสำนึกและจิตวิญญาณปรับการหายใจ ขั้นกลางจมไอพลังลงสู่ตันเถียน นำพลังกลับสู่ศูนย์กลางเมื่อเปี่ยมล้นย่อมสามารถโคจรทั่วร่าง สุดท้ายอาศัยจิตสำนึกก่อพลังดึงบนรั้งล่างเปิดทางให้ไอพลังทะลวงทั่วทั้งไป่ฮุ่ยและหย่งฉวน รับไอพลังจากฟ้าและดินรวมกลับเข้าสู่ศูนย์กลางคือตันเถียน อาศัยฟ้าดินหนุนเนื่อง นำจิตวิญญาณหวนคืนสู่ทางธรรมดั้งเดิม

หลักท่วงท่า
1. ยืนตรงเท้าชิด ยึดหลักท่าร่างตามท่าอู๋จี๋จวง
2. ค่อยๆยกมือทั้งสองขึ้นโอบบอลกลางอก ยึดหลักตามท่าหุนหยวนจวง ยืนหายใจลึกยาวสามรอบในท่านี้
3. ค่อยๆลดมือทั้งสองลง นำฝ่ามือทั้งสองกุมตันเถียน ให้จุดเหลากงทั้งสองมืออยู่ตรงกับจุดตันเถียนฝ่ามือซ้ายอยู่นอกฝ่ามือขวาอยู่ใน คลายไหล่ถ่วงศอก เข่าทั้งสองยังคงงอเล็กน้อยไม่อาจยืดขึ้นก้นกบหย่อนลง ผ่อนคลายสะโพกและท้องน้อย ร่างกายตั้งตรง
4. หายใจทางจมูก ปากปิดลิ้นแตะปลายเพดานอย่างเบาๆ ตามองไปข้างหน้าเฉียงลงเล็กน้อย
5. เมื่อจะยุติการฝึก ค่อยๆแยกมือทั้งสองออกจากกันเป็นวงโค้งไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วแยกออกซ้ายขวาวางที่ข้างลำตัว ขณะเดียวกัน นำเท้าซ้ายมาชิดเท้าขวาแล้วค่อยๆยืดขึ้นยืนตรงจากนั้นหายใจเข้าออกลึกยาวสามรอบ แล้วทำการสะบัดมือเท้า หรือเดินไปมาสักหลายรอบ ค่อยทำการพักผ่อน

หลักการสำคัญ
1. การตั้งร่างกายตรง คลายไหล่และอก มีหลักการเช่นเดียวกับในท่าอู๋จี๋จวงข้างต้น
2. ส่วนบนยกยอดศีรษะดึงรั้งสู่ฟากฟ้า ส่วนล่างหยั่งรากลึกยึดพื้นดิน ให้ก่อเกิดความรู้สึกดึงบนรั้งล่างภายในยืดขยายจากด้านบนคือไป่ฮุ่ยถึงด้านล่างคือหย่งฉวนทุกส่วนล้วนผ่อนคลายเปิดทางให้ไอพลังสามารถทะลวงเคลื่อนทั่วร่าง
3. วางจิตที่จุดตันเถียน ซึ่งเป็นส่วนกลางระหว่างบนและล่าง หรือศูนย์กลางของร่างกาย
4. ดึงพลังจากฟากฟ้าด้านบน ดึงพลังจากพื้นดินด้านล่าง รวมศูนย์เข้าหาศูนย์กลาง(ตันเถียน)ให้ไอพลังฟ้าดินรวมหนึ่ง
5. ลมหายใจลึกยาวถึงตันเถียน เพียงแต่ต้องเป็นไปอย่างธรรมชาติ
6. ยืนสงบนิ่งในท่านี้โดยไม่มีการเคลื่อนไหวได้นานเท่าที่ต้องการ และควรฝึกท่านี้ไม่น้อยกว่าห้านาที
7. ท่านี้มักยึดถือเป็นท่ายุติการฝึกหลังจากฝึกอู๋จี๋จวง และหุนหยวนจวงแล้ว

ข้อควรระวัง
1. ฝ่ามือที่ยึดกุมตันเถียนอย่าได้ออกแรงกดตันเถียน ควรวางอย่างเบาๆ
2. ผ่อนคลายร่างกายอย่าได้ใช้แรง และอย่าได้พยายามออกแรงหายใจหรือควบคุมลมหายใจให้ลึกยาวแต่ควรให้เป็นอย่างธรรมชาติ

ซานถิซื่อจวง
คำว่า ซานถิ แปลว่าตรีกายหรือร่างทั้งสาม เรียกอีกอย่างว่า ซานไฉ หรือสามภพ อันได้แก่ ฟ้า ดิน คนเมื่อมีเฉียนคุนคือฟ้าดินจึงกำเนิดเกิดมนุษย์ขึ้น แบ่งเป็นสามภพ ดังนั้นซานไฉจึงต่อเนื่องจากเฉียนคุนในทางวิทยายุทธ์นั้น ซานไฉถือตามหลักสามภพรวมหนึ่ง นำร่างกายสามส่วนคือ บน, กลาง, ล่างร่วมประสานสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ในมวยสิ่งอี้ร่างกายทั้งสามส่วนคือ ศีรษะ, มือและแขน, ขาและเท้า ท่าซานถิในมวยสิ่งอี้ถือเป็นมวยแม่แห่งวิชา มีความสำคัญอย่างยิ่งทุกท่วงท่าล้วนเริ่มท่าร่างการเคลื่อนไหวจากท่าซานถิ และจบทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวด้วยท่าซานถิ

1 comment:

Anonymous said...

ช่วงนี้ผมสนใจการฝึกฝ่ามือแปดทิศ(ปากว้าจ่าง)สายตระกูลเฉิง อันนี้ต้องเริ่มด้วยพื้นฐานมวยจีนอย่างอื่นอีกไหมครับ (เรียนจากเน็ตครับ)